วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

จริต6ในดวงชะตา

บทความนี้ท่านผู้อ่าน อย่าเพิ่งเบื่อว่าผมจะมาเขียนแนวธรรมะ หรือศาสนานะ โดยส่วนตัวผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาครับ ไม่ได้คร่ำเคร่งศาสนาอะไรมาก  ผมยืนยันว่าหลังจากอ่านบทความนี้ ท่านจะได้อะไรกลับไปบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ



ก่อนอื่น เราต้องมาดูกันก่อน ว่า "จริต" คืออะไร แล้ว มีแบบใดบ้าง


จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถาน ที่จิตท่องเที่ยวหรืออารมณ์ เป็นที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น ว่ากันง่ายๆ ก็คือ จิตของคนทั่วไปนั้นไม่ได้อยู่นิ่ง มีการเปลี่ยนสถานะ เฉกเช่น คนเราที่ยังไม่อยู่นิ่ง และไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลง และการตอบสนองที่แตกต่างกันไป  สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงประมวลไว้เป็น 6 ประการด้วยกัน คือ

1. ราคะจริต

จิต ท่องเที่ยวไปไปในอารมณ์ที่รักสวยรักงาม คือพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนิ่มนวล รวมความว่าอารมณ์ที่ท่องเที่ยวไปในราคะ คือ ความกำหนัด ยินดีนี้ บุคคลผู้เป็นเจ้าของจริต มีอารมณ์หนักไปในทางรักสวยรักงาม ชอบการมีระเบียบ สะอาด ประณีต มีกิริยาท่าทางละมุนละไมนิ่มนวล เครื่องของใช้สะอาดเรียบร้อย บ้านเรือนจัดไว้อย่างมี ระเบียบ พูดจาอ่อนหวาน เกลียดความเลอะเทอะสกปรก การแต่งกายก็ประณีต ไม่มีของใหม่ก็ ไม่เป็นไร แม้จะเก่าก็ต้องสะอาดเรียบร้อย ราคจริต มีอารมณ์จิตรักสวยรักงามเป็นสำคัญ  จิตจะเกาะอยู่ในสัมผัสทั้งห้าอยู่ตลอดเวลาเป็นคนที่ชอบในเรื่องของรูป ลักษณ์ จะเป็นคนแต่งตัวเก่งออกมาดูสวยงาม ดูเก๋และเท่ น่าชวนมองชวนดู เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส มีบุคลิกดี มีมาด เพราะมีสติค่อนข้างสูง จึงสามารถควบคุมอิริยาบถของร่างกายตัวเองได้ค่อนข้างถ้วน อย่าตี ความหมายว่า ราคจริต มีจิตมักมากในกามารมณ์ ถ้าเข้าใจอย่างนั้นพลาดถนัด

2. โทสะจริต

มี สภาวะอารมณ์เป็นอารมณ์โกรธ คนที่อยู่ในกลุ่มนี้โดยธรรมชาติแล้วเป็นบุคคลผู้มีหลักการของตนเองในการทำ งานและในการกระทำต่างๆ และมักเป็นผู้เคารพกฎเกณฑ์และมีวินัยสูงกว่าจริตอื่นๆ และการที่ตัวเองมีหลักเกณฑ์ ระเบียบวินัยค่อนข้างสูง จึงทำให้ทนไม่ได้เมื่อมาเจอผู้ที่ไม่มีระเบียบวินัย ไม่มีเคารพหลักเกณฑ์ นอกจากนี้จะเป็นคนที่รักษาคำพูดรักษาเวลา จึงทำให้ทนไม่ได้มาเมื่อกับคนที่ไม่รักษาคำพูด เป็นคนขี้โมโหโทโส อะไรนิดก็โกรธ อะไร หน่อยก็โมโห เป็นคนบูชาความโกรธว่าเป็นของวิเศษ วันหนึ่งๆ ถ้าไม่ได้โกรธเคือง โมโหโทโส ใครเสียบ้างแล้ว วันนั้นจะหาความสบายใจได้ยาก คนที่มีจริตหนักไปในโทสจริตนี้ แก่เร็ว พูด เสียงดัง เดินแรง ทำงานหยาบ ไม่ใคร่ละเอียดถี่ถ้วน แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว

3. โมหะจริต 

คน ที่มีลักษณะโมหะจริตจะเป็นคนที่ง่วง ๆ ซึมๆ ประเภทง่วงเหงางาวนอนเป็นอาจิณ อ่านหนังสือหรือฟังบรรยายประเดี๋ยวเดียวก็ตาปรอยหรือหลับไปเลย เป็นคนซึมๆ งงๆ ไม่รู้จะทำอะไร ปกติจะไม่ชอบทำอะไรถ้าไม่มีใครหรือสถานการณ์มาบังคับ ชอบนั่งเฉยๆอารมณ์พื้นฐานคือความเบื่อและความเซ็ง ทำอะไรรู้สึกว่ายากไปหมด รู้สึกเกินความสามารถ แต่ตัวเองก็มักใช้ความพยายามน้อย เพราะมีสมาธิค่อนข้างต่ำ พลังเลยไม่ค่อยมี ทำอะไรจะรู้สึกว่าเบื่อก่อนที่งานนั้นจะเสร็จ และลึกๆ จะมีความเศร้าอยู่ในใจ เพราะมักคิดถึงตัวเองในทางไม่ดีอยู่เสมอ มักจะคิดว่าตัวไม่มีคุณค่า น้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกตัวเองต่ำต้อย ไร้ความสามารถ ไร้วาสนา

4. วิตกจริต

ลักษณะ พื้นฐานคือ พูดไม่หยุด ประเภทน้ำไหลไฟดับ ชอบแสดงความคิดเห็น มีคำถามเยอะแยะไปหมด เพราะได้ยินเสียงพูดตลอดเวลา สมองเต็มไปด้วยความคิด ฟุ้งซ่าน สับสนวุ่นวาย มีหลายความคิดซ้อนกันอยู่ แต่มักสรุปประเด็นสำคัญหรือจัดระบบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปมักมองว่า คนที่วิตกจริตมีปัญญาสูงเพราะเป็นคนที่สามารถคิดได้เร็ว พูดได้มาก ประเด็นเต็มไปหมด ฟังเผินๆ แล้วน่าประทับใจถ้าไม่คิดอะไรมากวิตกไม่สามารถหยุดความคิดของตัวเองได้ และไม่สามารถเลือกว่าจะคิดอะไรได้ การคิดมักจะย้ำคิดในทางลบ มองโลกในแง่ร้าย มักคิดว่าโลกชั่วร้าย มีอารมณ์ชอบคิด ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มีเรื่องที่จะต้องพิจารณานิดหน่อย ก็ต้องคิดตรองอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าตัดสิน คนประเภทนี้เป็นโรคประสาทมาก มีหน้าตาไม่ใคร่สดชื่น ร่างกายแก่เกินวัย หาความสุขสบายใจได้ยาก

5. ศรัทธาจริต 

มี จิตน้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ เชื่อโดยไร้เหตุไร้ผล พวกที่ ถูกหลอกลวงก็คนประเภทนี้ มีใครแนะนำอะไรตัดสินใจเชื่อโดยไม่ได้พิจารณา แต่คนที่มีศรัทธาจริตพระ พุทธเจ้ากล่าวว่า เป็นคนมีปัญญาต่ำ เพราะมีความเชื่ออย่างรุนแรงว่าจะเป็นอย่างนั้น และจะไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น หากคนอื่นมีความคิดแตกต่างจากเราก็ไม่ยอมรับ ไม่ได้พิจารณาเหตุผล ไม่พิจารณา ต้องคิดถึงหลักกาลามสูตร อย่าเชือเพราะตามกันมา อย่าเชื่อเพราะเป็นศาสดา อย่าเชื่อเพราะเป็นครูบาอาจารย์ อย่าเชื่อเพราะเห็นว่ามีเหตุมีผลสอดคล้องกับความคิดของเรา

6. พุทธจริต

เป็น คนเจ้าปัญญาเจ้าความคิด มีความฉลาดเฉลียว มีปฏิภาณไหวพริบดี การคิดอ่านหรือการทรงจำก็ดีทุกอย่าง อารมณ์ของชาวโลกทั่วไป พูดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ตัวกูของกูไม่สูงต่ำกว่าวิตก พร้อมจะรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นสูงขึ้น จึงยอมรับความคิดใหม่ซึ่งมีเหตุผล จิตปักอยู่ในเหตุผลจึงตรงประเด็น ไม่เอาเปรียบ มีความเมตราท่วมจิต เพราะคิดตามความเป็นจริง และไม่คิดในทางลบ ต้องการพัฒนาขัดเกลาจิตใจ ตลอดเวลา จึงเห็นปัญหาและทางแก้ เมื่อเห็นผู้อื่นจึงเกิดความเมตราไปด้วย ในคนพูดเต็มไปด้วยสติและปัญญา


สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประมวลอารมณ์ว่า อยู่ในกฎ 6 ประการตามที่กล่าวมาแล้วนี้ บางคนมีอารมณ์ทั้ง 6 อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มีมากน้อย ยิ่งหย่อนกว่ากันตามอำนาจวาสนาบารมีที่อบรมมาใน การละในชาติที่เป็นอดีต อารมณ์ที่มีอยู่คล้าย คลึงกัน แต่ความเข้มข้นรุนแรงไม่เสมอกัน ทั้งนี้ก็เพราะบารมีที่อบรมมาไม่เสมอกัน ใครมีบารมี ที่มีอบรมมามาก บารมีในการละมีสูงอารมณ์จริตก็มีกำลังต่ำไม่รุนแรง ถ้าเป็นคนที่อบรมในการละ มีน้อย อารมณ์จริตก็รุนแรง จริตมีอารมณ์อย่างเดียวกันแต่อาการไม่สม่ำเสมอกันดังกล่าว


สำหรับ แนวทางการพิจารณา ดาวดาว เพื่อตรวจสอบดูแนวโน้มจริตด้านต่างๆ ขอบแต่ละคนนั้น ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะดังนี้

1.พิจารณาจาก ลัคนา ว่ามีดาวที่มีความหมายของจริตแต่ละประเภท สัมพันธ์หรือไม่

2.พิจารณาจาก ดาวเจ้าเรือนตนุ ว่ามีดาวที่มีความหมายของจริตแต่ละประเภท สัมพันธ์หรือไม่

3.พิจารณาจาก ดาวอาทิตย์ ว่ามีดาวที่มีความหมายของจริตแต่ละประเภท สัมพันธ์หรือไม่

4.จาก ทั้ง 3 ข้อ หากดาวมีมาตรฐานโดดเด่น เช่น เกษตร อุจน์ มหาจักร ให้เพิ่มน้ำหนักของจริตเข้าไป แต่หากเป็นมาตรฐานด้อย เช่น ประ นิจ ให้ลดน้ำหนักของจริต

5.หากดาวที่มีความหมายของจริตแต่ละประเภท มีมาตรฐานโดดเด่น แต่ไม่สัมพันธ์ กับข้อ 1 - 3 แสดงว่าไม่ส่งผลหรือแสดงออกกับตัวตน ของเจ้าชะตามากนัก  ยกเว้นเป็น 12 กับลัคนา , ดาวเจ้าเรือนตนุ , ดาวอาทิตย์ หากมีองศาอยู่ช่วงปลายๆ อาจส่งผลเทียบเท่ากับการ กุม เลยทีเดียว


สำหรับดาวประจำความหมายของจริตต่างๆ ในมุมมองของดาวเดี่ยว มีดังนี้ ครับ


1. ราคะจริต  พิจารณา จากดาวพุธและดาวศุกร์

2. โทสะจริต  พิจารณา จากดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร และ ราหู

3. โมหะจริต  พิจารณา จากดาวจันทร์ ดาวเสาร์ และ ดาวอังคาร(อังคารมักอยู่ในมุมเสียหรือมาตรฐานด้อย)

4. วิตกจริต พิจารณา จากดาวพุธ ดาวเสาร์ และดาวพฤหัส ( เสาร์ พฤหัสร่วมถึงกันมักคิดนุ่น คิดนี่ ) 

5. ศรัทธาจริต พิจารณา จากดาวอาทิตย์ ราหู และเกตุ

6. พุทธจริต พิจารณา จาก ดาวพุธ ดาวพฤหัส 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

ธรรมะไทย 

และหนังสือ "จริต ๖ ศาสตร์ในการอ่านใจคน" โดย ดร. อนุสร จันทพันธ์ และ ดร. บุญชัย โกศลธนากุล




ตัวอย่าง






วิตกจริต + พุทธจริต  ให้น้ำหนักไปทาง
วิตกจริตมากกว่า เพราะ เสาร์กุมลัคน์ได้ตำแหน่งอุจจาวิลาส พฤหัสเป็นประ เจ้าชะตามักคิดมาก วิตกกังวล
แต่ได้พลังของดาวพฤหัส จึงลดการมองในแง่ร้ายไปได้มาก
(พฤหัส + เสาร์ พลังงานมองโลกแง่ดี + มองโลกแง่ร้าย)










ราคะจริต  โดดเด่น เพราะ คู่ดาวพุธ ศุกร์ ธาตุน้ำ ไปอยู่ในราศีธาตุน้ำ
ศุกร์เป็นอุจน์ โดดเด่น เจ้าชะตา รักสวย รักงาม อ่อนไหว กลัวไม่สวย ไม่งาม








ศรัทธาจริต + โทสะจริต
เจ้าชะตา มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ยึดมั่นตัวเองเป็นหลัก กล้าคิดกล้าทำ
แต่ใครขัดไม่ค่อยได้ และมีแนวโน้มที่จะดึงคนอื่นเข้าหาตนเอง มากกว่าที่จะปรับตัวเองเข้ากับคนอื่น
ดาวอาทิตย์เป็นอุจน์ กุมลัคน์ ส่วน อังคาร ร่วม ราหู อยู่ร่วมกัน แถมตรีโกณถึงลัคนาและอาทิตย์ในดวงด้วย
ส่งผลให้เจ้าชะตา หุนหัน พลันแล่น ดื้อรั้น แต่คิดเร็ว ทำเร็ว กล้าลุย
ยอมขัดแย้งแตกหัก หากขัดกับสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น